Octane หรือที่เราเรียกกันสั้นๆ ว่า “ออกเทน” เป็นหนึ่งในสารเชื้อเพลิงที่สำคัญมากในอุตสาหกรรมปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเครื่องยนต์สันดาปภายใน การกำหนดค่าออกเทนของน้ำมันเชื้อเพลิงช่วยให้เราทราบว่าสามารถเผาไหม้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและสมบูรณ์แค่ไหน
แต่จะเกิดอะไรขึ้นถ้าบอกคุณว่า ออกเทน ไม่ใช่สารเคมีชนิดเดียว แต่เป็นตัวชี้วัดความต้านทานการน็อคของน้ำมันเชื้อเพลิง
ออกเทน: มาตรวัดความแข็งแกร่งของเชื้อเพลิง!
ถ้าเราเปรียบเทียบเครื่องยนต์กับมนุษย์ เครื่องยนต์ก็เหมือนนักกีฬาที่ต้องการพลังงานสูงสุดเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ออกเทน หรือค่าออกเทน เป็นตัวชี้วัดความสามารถของน้ำมันเชื้อเพลิงในการเผาไหม้อย่างราบรื่นและสมบูรณ์
หากน้ำมันเชื้อเพลิงมีค่าออกเทนต่ำเกินไป การระเบิดของส่วนผสมอากาศ-เชื้อเพลิงจะไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ สั่นไหว หรือที่เราเรียกว่า “การน็อค” เกิดขึ้น และส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของเครื่องยนต์
ค่าออกเทนถูกกำหนดโดยมาตรฐานการทดสอบซึ่งจำลองสภาวะการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ ตัวเลขที่สูงขึ้นบ่งบอกถึงความต้านทานการน็อคที่ดีกว่า น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทน 95 จะมีความต้านทานการน็อคสูงกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทน 87
จะเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงออกเทนเท่าไหร่ดี?
คำถามนี้มักเกิดขึ้นกับผู้ใช้รถยนต์ โดยทั่วไปแล้ว ค่าออกเทนที่เหมาะสมสำหรับรถยนต์แต่ละคันจะถูกระบุไว้ในคู่มือของผู้ผลิต
การเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนสูงกว่าที่แนะนำโดยผู้ผลิตรถยนต์ อาจไม่ได้ให้ประโยชน์ใดๆ และอาจสิ้นเปลืองเงินโดยไม่จำเป็น
นอกจากนี้ การใช้
น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนต่ำกว่าที่แนะนำโดยผู้ผลิตรถยนต์ อาจทำให้เกิดการน็อค ซึ่งส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และอาจทำให้เกิดความเสียหายในระยะยาว
ทำไมค่าออกเทนจึงมีความสำคัญ?
ค่าออกเทนมีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ การใช้
น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนเหมาะสม จะช่วยให้:
-
เครื่องยนต์ทำงานอย่างราบรื่นและไม่มีอาการสั่น
-
เพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
-
ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์
สารประกอบสำคัญที่เกี่ยวข้องกับค่าออกเทน
น้ำมันเชื้อเพลิงประกอบด้วยส่วนผสมของไฮโดรคาร์บอนหลากหลายชนิด ซึ่งแต่ละชนิดมีสมบัติการเผาไหม้ที่แตกต่างกัน สารประกอบบางชนิด เช่น โทลูอีน และไดเมธิลเบนซีน มีค่าออกเทนสูง
การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนสูง
การผลิตน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนสูงนั้นมีความซับซ้อนและต้องอาศัยกระบวนการทางเคมีที่แม่นยำ
-
กระบวนการกลั่น: น้ำมันดิบถูกทำให้ร้อนจนกลายเป็นไอแล้วนำไปผ่านกระบวนการแยกส่วนตามจุดเดือด
-
กระบวนการแปลงสภาพ (Converting): สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่ไม่เหมาะสมจะถูกแปลงให้เป็นสารประกอบที่มีค่าออกเทนสูง
-
การผสม: น้ำมันเชื้อเพลิงจากแหล่งต่าง ๆ จะถูกนำมาผสมกันเพื่อให้ได้ค่าออกเทนที่ต้องการ
ความคิดเห็นผู้เชี่ยวชาญ: ค่าออกเทนในอนาคต?
ในอนาคต เราอาจจะเห็นการพัฒนาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สามารถปรับค่าออกเทนได้ตามสภาวะการใช้งานของเครื่องยนต์ นอกจากนี้ การใช้
เชื้อเพลิงทางเลือก เช่น ไฟฟ้า หรือไฮโดรเจน อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการลดความจำเป็นในน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต้องอาศัยสารประกอบออกเทน
ตารางเปรียบเทียบค่าออกเทนของน้ำมันเชื้อเพลิงต่าง ๆ:
ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง | ค่าออกเทน (RON) |
---|---|
น้ำมันเบนซินレギュラー | 91-95 |
น้ำมันเบนซินพรีเมี่ยม | 97-100 |
น้ำมันดีเซล | 40-60 |
สรุป
ค่าออกเทนเป็นตัวชี้วัดความต้านทานการน็อคของน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีความสำคัญต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ การเลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทนเหมาะสม จะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด